การบูลลี่

มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวเปิดเผยว่า ในปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยติดอันดับ 2 ของโลกในเรื่องการบูลลี่ รองจากประเทศญี่ปุ่น คำที่คนไทยใช้บูลลี่กันมากที่สุดเกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ เพศ และความคิดเห็น เช่น ไม่สวย, ไม่หล่อ, หน้าเบี้ยว, ขี้เหร่, หน้าหัก, หน้าปลอม, ผอม, เตี้ย, สิว, ดำ, ขาใหญ่, จอแบน, เหยิน, เหม่ง เป็นต้น ระดับการศึกษาที่ใช้คำบูลลี่มากที่สุดคือระดับมัธยมศึกษา และในทุกระดับชั้น เพื่อนคือผู้ที่ใช้คำบูลลี่กันมากที่สุด

จากการสำรวจกลุ่มเด็กอายุ 10-15 ปี ใน 15 โรงเรียน พบว่าร้อยละ 91.79 เคยถูกบูลลี่ วิธีการที่ใช้มากที่สุดคือ การตบหัว, ถูกล้อชื่อพ่อชื่อแม่, ถูกเหยียดหยาม และการล้อปมด้อย ซึ่งนำไปสู่ปัญหาที่ทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียน ส่งผลกระทบต่อการเรียนและความปลอดภัยของเด็ก เพื่อป้องกันปัญหานี้ ผู้ปกครองควรหมั่นซักถาม สังเกตอาการเมื่อเด็กมีความผิดปกติ กังวล กลัว หรือไม่อยากไปโรงเรียน เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาก่อนที่จะบานปลาย

ประเภทของการบูลลี่

ทางกาย: การกระทำต่อร่างกายโดยตรง เช่น การทำร้ายร่างกาย, จิกหัว, หยิกมือ, เอานิ้วดันหัว, ถ่มน้ำลายใส่, บังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ยินยอมหรือสิ่งที่น่าอับอาย

ทางคำพูด: การใช้คำพูดหรือข้อความ เช่น การด่าทอ, เสียดสี, ประชดประชัน, นินทา, สร้างเรื่องโกหก, ป้ายสี, เขียนโต๊ะ หรือขู่ด้วยจดหมาย

ทางสังคม: การสร้างความเข้าใจผิดหรือใช้แรงกดดันทางสังคม เช่น การเมินเฉย, การทำเหมือนเป็นอากาศ, การมองผ่าน, การกีดกันไม่ให้เข้าร่วมกลุ่ม, การผลักไส, การแบนหมู่ และการโห่ไล่ทางออนไลน์: การกระทำผ่านโซเชียลมีเดียและข้อความอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การทำลายชื่อเสียง, ทำให้รู้สึกแย่, ดูหมิ่นเกียรติ, การส่งข้อความและรูปภาพ, การตัดต่อรูปภาพ, โพสต์ภาพหรือข้อความเพื่อประจาน

 

พระคัมภีร์สอนเรื่องการใช้คำพูดอย่างไร?

พระคัมภีร์ให้ความสำคัญกับเรื่องคำพูดอย่างมากและต่อต้านคำหยาบคายอย่างชัดเจน

เอเฟซัส 4:29: เปาโลไม่เห็นด้วยกับคำหยาบคาย

ยากอบ 3:2-11: ยากอบบอกว่าใครควบคุมลิ้นได้คือคนสุดยอด เพราะลิ้นเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทำบาปได้ง่าย

มัทธิว 15:11: พระเยซูบอกว่าสิ่งซึ่งออกมาจากปากนั่นแหละที่สะท้อนความชั่วร้ายของมนุษย์

ปฐมกาล 1:26: “แล้วพระเจ้าตรัสว่า ‘ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา…’” 

 

พระเจ้าสร้างทุกสิ่งมาดี เราไม่ควรล้อเลียนผลงานชิ้นเอก

ของพระองค์เพียงเพราะเขาแตกต่างจากเรา 

หรืออาจมีบางสิ่งบกพร่องไป

 

เอเฟซัส 4:29: “อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย แต่จงกล่าวคำดีๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน” 

เอเฟซัส 4:31–32: “จงเอาความขมขื่น ความฉุนเฉียว ความโกรธ การทุ่มเถียง การพูดจาดูหมิ่น รวมทั้งการร้ายทุกอย่างออกไปจากพวกท่าน แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์” 

โรม 12:9: “ขอให้ความรักมาจากใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี” 

 

ระมัดระวังการมีส่วนร่วมในการบูลลี่ออนไลน์

บางครั้งเราอาจจะกลั่นแกล้งโดยไม่ตั้งใจ หรือเป็นส่วนหนึ่งของการกลั่นแกล้งโดยไม่รู้ตัว

การนิ่งเฉยและการมีส่วนร่วมทางอ้อม: เช่น การกดไลก์ กดแชร์สดุดี 1:1

การละเลยไม่สอดส่องดูแล: พบเห็นการละเมิดและความรุนแรงแต่ไม่แจ้งผู้ดูแล หรือปล่อยให้มีคอนเทนต์บูลลี่ในหน้าเพจหรือเว็บไซต์ที่ตัวเองสามารถจัดการได้ แต่ไม่จัดการอย่างเด็ดขาด (1 ซามูเอล 2:12) เปรียบเทียบกับเอลีที่ไม่สั่งสอนลูกของตัวเอง)

สนใจแต่ความจริงโดยปราศจากความรัก: คิดว่าการแชร์ความจริงเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ความจริงบางอย่างอาจทำร้ายผู้อื่นได้ หรือการตักเตือนด้วยความจริงโดยไม่ถนอมน้ำใจ (โรม 12:9)

การมุ่งเอาชนะและการไม่ให้อภัยในความขุ่นเคือง: การมุ่งเอาชนะอาจทำให้เราโพสต์หรือบูลลี่คนอื่นโดยไม่รู้ตัว (เอเฟซัส 4:31-32)

การไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา: มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำกัน หรือทำไปเพราะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ หรือเป็นแค่เรื่องตลก (เอเฟซัส 4:29)


สรุป: ในสังคมที่เต็มไปด้วยความรุนแรงทั้งทางคำพูดและการกระทำ ไม่ว่าจะในโลกออนไลน์หรือในชีวิตประจำวัน พระคัมภีร์เรียกร้องให้เราทุกคนแสดงความรักผ่านคำพูดและการกระทำด้วยความจริงใจและเปี่ยมด้วยความรัก

Scroll to Top