การสัก
มุมมองต่อการสักในมุมมองของคริสเตียน
1. บาปหรือไม่
เลวีนิติ 19:28 “เจ้าอย่าเชือดเนื้อของเจ้าเพราะเหตุมีคนตาย หรือสักเป็นเครื่องหมายใดๆ ลงที่ตัวเจ้า เราคือพระเจ้า”
ข้อพระคัมภีร์ดังกล่าวในพันธสัญญาเดิมนั้นมี บริบท ที่สำคัญ คือเป็นการเตือนชาวอิสราเอลก่อนที่พวกเขาจะย้ายเข้าไปในดินแดนคานาอัน เพื่อให้หลีกเลี่ยงการปะปนกับความเชื่อของคนต่างชาติในสมัยนั้น
การสัก ในยุคนั้นอาจเกี่ยวโยงกับเวทมนตร์ คาถาอาคม หรือการบูชาพระปลอม ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ถูกห้าม แต่ไม่ใช่คำสั่งสำหรับวัฒนธรรมในปัจจุบัน หากการสักในปัจจุบันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเชื่อที่ผิดหรือการบูชาสิ่งใด ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นความบาปในตัวมันเอง
2. มีประโยชน์หรือมีใครเสียประโยชน์ไหม
“อาจมีประโยชน์ในการประกาศเรื่องราวของพระเจ้า”
รอยสักรูปไม้กางเขนย่อม “ดีกว่า” รอยสักรูปกะโหลกไฟ ผู้หญิงเปลือยกาย หรือปีศาจ
รอยสักที่เขียนว่า “พระเยซูช่วยให้รอด” อาจช่วยให้เริ่มต้นการสนทนากับคนที่ไม่กล้าเข้าหาผู้เผยแพร่ศาสนาในชุดพื้นเมือง หรือกลุ่มคนที่ชื่นชอบงานศิลปะได้
1 โครินธ์ 9:22–23 “ต่อคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้คนอ่อนแอ ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง ข้าพเจ้าทำอย่างนี้เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น”
รอยสักที่มีความหมายเชิงคริสเตียนจึงอาจเข้าข่ายหลักการของเปาโลที่ “ยอมเป็นทุกสิ่ง”
แต่ก็อาจทำให้บางคนเสียประโยชน์หรือสะดุด
ในสังคมไทยคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนใน Generation X ลงไป อาจมีมุมมองที่ไม่ชื่นชมการสัก ซึ่งอาจทำให้พวกเขาไม่รับฟังข่าวประเสริฐเนื่องจากอคติที่มีต่อรอยสัก
3. ใช้ความรักเป็นหลักในการตัดสินใจ
การสักที่ไม่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์หรือคาถาอาคมไม่ได้เป็นความบาปในตัวมันเอง อย่างไรก็ตาม เราต้องตรวจสอบ แรงจูงใจ ของเราว่าถูกต้องหรือไม่ เราสักเพื่อความชอบในศิลปะส่วนตัว หรือเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการประกาศ?
หากมีคนสะดุดเพราะรอยสักของเรา เรามีความรักเพียงพอที่จะหยุดการกระทำนั้นหรือไม่ หรือจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้พี่น้องหรือคนที่ยังไม่เชื่อสะดุด เพื่อที่เราจะสามารถเข้าถึงคนหลากหลายในการประกาศและรับใช้พระเจ้าได้
ในทางกลับกัน เราก็ไม่ควรตัดสินหรือพิพากษาคนที่สักเช่นกัน
โรม 14:13 “ดังนั้นอย่าให้เรากล่าวโทษกันและกันอีกเลย แต่จงตัดสินใจดีกว่าว่าจะไม่วางสิ่งซึ่งทำให้พี่น้องสะดุด หรือสิ่งกีดขวางทางของเขา”
สรุป
การสักสามารถทำได้หากไม่เกี่ยวข้องกับความเชื่ออื่นใด ก่อนจะสักต้องถามตัวเองให้ดีว่า “สักไปทำไม?” เพื่อประโยชน์ของตนเองและความพึงพอใจฝ่ายเดียว หรือเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นด้วย มีผลกระทบที่เราต้องเผชิญอะไรบ้าง และหากมีคนสะดุด เรามีความรักเพียงพอที่จะเข้าใจและหยุดการกระทำนั้นหรือไม่ สิ่งสำคัญสุดท้ายคือ การไม่ตัดสินคนที่สัก